shopup.com

articleเครื่องมือวัดอื่นๆ ( ตอนที่ 2 )

เครื่องมือวัดอื่นๆ ( ตอนที่ 2 )

เครื่องมือวัดประเภทต่างๆ

6.เครื่องวัดกระบอกสูบเครื่องยนต์ หรือ Cylinder Bore Gauge เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้ในการวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของกระบอกสูบเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สัมผัสโดยตรงกับลูกสูบและมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ หากขนาดของกระบอกสูบไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้เกิดปัญหา เช่น การรั่วซึมของอัด การสึกหรอของชิ้นส่วน และการสูญเสียกำลัง 

หลักการทำงาน

เครื่องวัดกระบอกสูบทำงานโดยอาศัยหลักการวัดระยะห่างระหว่างจุดสัมผัสสองจุดที่อยู่ตรงข้ามกันภายในกระบอกสูบ ซึ่งจะให้ค่าเส้นผ่านศูนย์กลางของกระบอกสูบนั่นเอง 

ความสำคัญของการวัดกระบอกสูบ

  • ตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์: ช่วยให้ทราบสภาพของเครื่องยนต์ว่ามีการสึกหรอหรือไม่
  • บำรุงรักษาเครื่องยนต์: ช่วยในการซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอ
  • ปรับตั้งเครื่องยนต์: ช่วยในการปรับตั้งเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ควบคุมคุณภาพ: ใช้ในการควบคุมคุณภาพของกระบวนการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์

ชนิดของเครื่องวัดกระบอกสูบ

  • แบบกลไก: ใช้หลักการกลไกในการวัด เช่น การขยายตัวของก้านวัดเมื่อสัมผัสกับผนังกระบอกสูบ
  • แบบดิจิตอล: ใช้เซ็นเซอร์ในการวัดและแสดงผลเป็นตัวเลขบนจอแสดงผล มีความแม่นยำสูงและสามารถบันทึกข้อมูลได้
  • แบบอิเล็กทรอนิกส์: ใช้หลักการวัดทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การวัดความจุไฟฟ้า หรือการวัดความต้านทาน

ข้อควรระวัง

  • ความปลอดภัย: ควรปฏิบัติตามขั้นตอนการทำงานอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันอันตราย
  • ความแม่นยำ: เลือกใช้เครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำสูง
  • การสอบเทียบ: ควรทำการสอบเทียบเครื่องมือวัดเป็นประจำ
  • การตีความผล: ต้องตีความผลการวัดร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เช่น การสึกหรอของแหวนลูกสูบ เพื่อหาสาเหตุของปัญหา

7. เครื่องวัดแก๊ส หรือ Gas Detector เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจวัดและวิเคราะห์ปริมาณของแก๊สชนิดต่างๆ ในอากาศหรือในพื้นที่ที่ต้องการตรวจสอบ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อตรวจจับแก๊สที่เป็นอันตรายหรือไวไฟ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือทรัพย์สิน เครื่องมือนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ปิโตรเคมี, การผลิต, การบำบัดน้ำเสีย และการทำเหมือง

หลักการทำงาน

เครื่องวัดแก๊สทำงานโดยอาศัยหลักการทางฟิสิกส์และเคมีที่แตกต่างกันไปตามชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้ โดยทั่วไปจะอาศัยการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือทางเคมีของเซ็นเซอร์เมื่อสัมผัสกับแก๊สเป้าหมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงความต้านทานไฟฟ้า, การเปลี่ยนแปลงความนำไฟฟ้า หรือการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสารเคมี

ชนิดของเครื่องวัดแก๊ส

  • เครื่องวัดแก๊สแบบเซ็นเซอร์ก๊าซ: ใช้เซ็นเซอร์ที่ไวต่อแก๊สชนิดเฉพาะ เช่น เซ็นเซอร์ก๊าซชนิดออกไซด์ของโลหะ, เซ็นเซอร์ก๊าซชนิดอิเล็กโทรเคมี, และเซ็นเซอร์ก๊าซชนิดอินฟราเรด
  • เครื่องวัดแก๊สแบบฟลูออเรสเซนต์: ใช้หลักการวัดความเข้มของแสงฟลูออเรสเซนต์ที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างแก๊สเป้าหมายกับสารเคมี
  • เครื่องวัดแก๊สแบบโฟโตอิออนไนเซชัน: ใช้หลักการไอออนไนซ์โมเลกุลของแก๊ส แล้ววัดกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้น
  • เครื่องวัดแก๊สแบบความร้อน: วัดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของเซ็นเซอร์เมื่อสัมผัสกับแก๊สที่เผาไหม้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการวัด

  • ชนิดของแก๊ส: เซ็นเซอร์แต่ละชนิดมีความไวต่อแก๊สที่แตกต่างกัน
  • ความเข้มข้นของแก๊ส: ความเข้มข้นของแก๊สจะส่งผลต่อค่าที่วัดได้
  • อุณหภูมิและความชื้น: อุณหภูมิและความชื้นของสภาพแวดล้อมอาจส่งผลต่อการทำงานของเซ็นเซอร์
  • การรบกวนจากแก๊สอื่น: แก๊สชนิดอื่นอาจรบกวนการวัดได้

การประยุกต์ใช้

  • อุตสาหกรรม: ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพอากาศในโรงงานอุตสาหกรรม, ตรวจจับการรั่วไหลของแก๊สอันตราย, และควบคุมกระบวนการผลิต
  • ความปลอดภัย: ใช้ในการตรวจจับแก๊สพิษในอุโมงค์, บ่อท่อระบายน้ำ, และพื้นที่จำกัด
  • การดับเพลิง: ใช้ในการตรวจจับแก๊สไวไฟและแก๊สที่เป็นอันตรายในระหว่างการเกิดเพลิงไหม้
  • การวิจัย: ใช้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เช่น การศึกษาคุณภาพอากาศ

ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม: เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับชนิดของแก๊สที่ต้องการวัดและสภาพแวดล้อมในการใช้งาน
  • สอบเทียบเครื่องมือ: ควรทำการสอบเทียบเครื่องมือเป็นประจำเพื่อให้ได้ผลการวัดที่ถูกต้อง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้งาน: ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้งานของผู้ผลิต
  • ความปลอดภัย: ควรปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในการใช้งานเครื่องมือวัดแก๊ส

8. เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่าง ( Lux Meter ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดปริมาณแสงที่ตกกระทบพื้นผิวหนึ่งหน่วย ซึ่งโดยทั่วไปจะวัดเป็นหน่วย ลักซ์ (Lux) เครื่องมือชนิดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินคุณภาพแสงสว่างในสถานที่ต่างๆ เช่น สำนักงาน โรงงาน โรงเรียน โรงพยาบาล และพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากแสงสว่างที่เหมาะสมมีผลต่อสุขภาพ สายตา และประสิทธิภาพในการทำงาน

หลักการทำงาน

เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่างทำงานโดยอาศัยเซ็นเซอร์ที่ไวต่อแสง เมื่อแสงตกกระทบเซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์จะแปลงพลังงานแสงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องจะคำนวณหาค่าความเข้มของแสงและแสดงผลออกมาบนหน้าจอ

ชนิดของเครื่องวัดความเข้มของแสงสว่าง

  • เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่างแบบดิจิทัล: แสดงผลการวัดเป็นตัวเลขบนจอ LCD หรือ OLED มีความแม่นยำสูงและสามารถบันทึกข้อมูลได้
  • เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่างแบบอะนาล็อก: แสดงผลการวัดด้วยเข็มชี้บนหน้าปัด มีราคาถูกกว่าแบบดิจิทัล แต่ความแม่นยำอาจต่ำกว่า
  • เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่างแบบพกพา: มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาไปใช้งานในภาคสนาม
  • เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่างแบบตั้งโต๊ะ: มีขนาดใหญ่ มีความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับใช้งานในห้องปฏิบัติการ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการวัด

  • ชนิดของเซ็นเซอร์: เซ็นเซอร์แต่ละชนิดมีความไวต่อความยาวคลื่นแสงที่แตกต่างกัน
  • มุมตกกระทบของแสง: มุมที่แสงตกกระทบเซ็นเซอร์จะส่งผลต่อค่าที่วัดได้
  • อุณหภูมิและความชื้น: อุณหภูมิและความชื้นของสภาพแวดล้อมอาจส่งผลต่อการทำงานของเซ็นเซอร์
  • แหล่งกำเนิดแสง: ประเภทของแหล่งกำเนิดแสง (เช่น แสงธรรมชาติ แสงไฟ) จะมีสเปกตรัมแสงที่แตกต่างกัน

การประยุกต์ใช้

  • การออกแบบแสงสว่าง: ใช้ในการออกแบบระบบแสงสว่างในอาคาร โรงงาน และพื้นที่สาธารณะ
  • การควบคุมคุณภาพแสง: ใช้ในการควบคุมคุณภาพแสงในห้องปฏิบัติการ โรงงานผลิต และสถานที่ที่ต้องการแสงสว่างที่สม่ำเสมอ
  • การวิจัยทางแสง: ใช้ในการวิจัยเกี่ยวกับแสงสว่างและผลกระทบต่อมนุษย์
  • การเกษตร: ใช้ในการวัดความเข้มของแสงในโรงเรือนเพาะปลูก

ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม: เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับช่วงของความเข้มแสงที่ต้องการวัด
  • สอบเทียบเครื่องมือ: ควรทำการสอบเทียบเครื่องมือเป็นประจำเพื่อให้ได้ผลการวัดที่ถูกต้อง
  • ติดตั้งเซ็นเซอร์อย่างถูกต้อง: ติดตั้งเซ็นเซอร์ในตำแหน่งที่ไม่ถูกสิ่งกีดขวางและได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมน้อยที่สุด
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้งาน: ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้งานของผู้ผลิต

9. เครื่องวัดความเป็นกรดหรือด่าง ( pH Meter ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดค่า pH ของสารละลาย ซึ่งเป็นค่าที่แสดงความเป็นกรดหรือด่างของสารนั้นๆ ค่า pH มีช่วงตั้งแต่ 0 ถึง 14 โดยค่า pH ที่ต่ำกว่า 7 แสดงว่าสารนั้นมีฤทธิ์เป็นกรด ค่า pH ที่เท่ากับ 7 แสดงว่าสารนั้นเป็นกลาง และค่า pH ที่สูงกว่า 7 แสดงว่าสารนั้นมีฤทธิ์เป็นด่าง

หลักการทำงาน

เครื่องวัด pH ทำงานโดยอาศัยหลักการวัดศักย์ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นระหว่างอิเล็กโทรดสองชนิดที่จุ่มลงในสารละลาย อิเล็กโทรดหนึ่งเป็นอิเล็กโทรดแก้วที่ไวต่อความเข้มข้นของไอออนไฮโดรเจน (H+) ในสารละลาย อีกอิเล็กโทรดหนึ่งเป็นอิเล็กโทรดอ้างอิงที่ใช้เป็นจุดอ้างอิงในการวัด ศักย์ไฟฟ้าที่วัดได้จะถูกแปลงเป็นค่า pH โดยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่อง

ชนิดของเครื่องวัด pH

  • เครื่องวัด pH แบบพกพา: มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับใช้งานนอกสถานที่
  • เครื่องวัด pH แบบตั้งโต๊ะ: มีขนาดใหญ่ มีความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับใช้งานในห้องปฏิบัติการ
  • เครื่องวัด pH แบบออนไลน์: ใช้สำหรับวัดค่า pH อย่างต่อเนื่องในกระบวนการผลิต

การประยุกต์ใช้

  • อุตสาหกรรม: ใช้ในการควบคุมคุณภาพน้ำในกระบวนการผลิต, การบำบัดน้ำเสีย, และการผลิตอาหาร
  • การเกษตร: ใช้ในการตรวจสอบค่า pH ของดินและน้ำเพื่อปรับปรุงดินและเพิ่มผลผลิต
  • การแพทย์: ใช้ในการตรวจสอบค่า pH ของเลือด ปัสสาวะ และของเหลวในร่างกาย
  • การวิจัย: ใช้ในการวิจัยทางเคมีและชีววิทยา

ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • การสอบเทียบ: ควรทำการสอบเทียบเครื่องมือเป็นประจำด้วยโซลูชันมาตรฐานเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้อง
  • การดูแลรักษา: ควรทำความสะอาดอิเล็กโทรดหลังการใช้งานและเก็บรักษาในสารละลายที่เหมาะสม
  • การเลือกใช้: เลือกเครื่องวัด pH ที่เหมาะสมกับชนิดของสารละลายและช่วงของค่า pH ที่ต้องการวัด

10. เครื่องวัดความหนืดของเหลว หรือ Viscometer เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดความหนืดของของเหลว ซึ่งความหนืดหมายถึงความต้านทานต่อการไหลของของเหลวนั่นเอง ยิ่งของเหลวมีความหนืดมาก ก็จะไหลได้ช้าลง และมีความต้านทานต่อการเคลื่อนที่มากขึ้น เครื่องมือชนิดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์, อาหาร, เครื่องสำอาง, และปิโตรเลียม เนื่องจากความหนืดเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

หลักการทำงาน

เครื่องวัดความหนืดทำงานโดยอาศัยหลักการวัดแรงต้านทานที่เกิดขึ้นเมื่อของเหลวไหลผ่านช่องแคบ หรือเมื่อวัตถุเคลื่อนที่ผ่านของเหลว โดยทั่วไปแล้ว จะมีการวัดเวลาที่ใช้ในการไหลของของเหลวผ่านท่อแคบ หรือวัดแรงบิดที่เกิดขึ้นเมื่อหมุนวัตถุในของเหลว

ชนิดของเครื่องวัดความหนืด

  • เครื่องวัดความหนืดแบบเส้นเลือดฝอย (Capillary Viscometer): วัดเวลาที่ใช้ในการไหลของของเหลวผ่านท่อแคบ
  • เครื่องวัดความหนืดแบบลูกบอลตก (Falling Ball Viscometer): วัดเวลาที่ใช้ในการตกของลูกบอลในของเหลว
  • เครื่องวัดความหนืดแบบหมุน (Rotational Viscometer): วัดแรงบิดที่เกิดขึ้นเมื่อหมุนวัตถุในของเหลว
  • เครื่องวัดความหนืดแบบตกเชิงกรวย (Cone and Plate Viscometer): วัดแรงบิดที่เกิดขึ้นเมื่อหมุนกรวยในของเหลวที่มีช่องว่างแคบ
  • เครื่องวัดความหนืดแบบอัลตราโซนิก ( Ultrasonic Viscometer ): วัดความเร็วของคลื่นเสียงที่ผ่านของเหลว

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการวัด

  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิของของเหลวมีผลต่อความหนืด โดยทั่วไปแล้วความหนืดจะลดลงเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น
  • แรงเฉือน: แรงเฉือนที่กระทำต่อของเหลวจะส่งผลต่อความหนืดของของเหลวบางชนิด
  • ความดัน: ความดันอาจส่งผลต่อความหนืดของของเหลวบางชนิด

การประยุกต์ใช้

  • อุตสาหกรรมอาหาร: ใช้ในการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น ซอส น้ำมัน และโยเกิร์ต
  • อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง: ใช้ในการผลิตครีม โลชั่น และเจล
  • อุตสาหกรรมปิโตรเลียม: ใช้ในการวัดความหนืดของน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ
  • อุตสาหกรรมยา: ใช้ในการควบคุมคุณภาพของยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
  • การวิจัย: ใช้ในการศึกษาสมบัติทางกายภาพของของเหลว

ข้อควรระวังในการใช้งาน

  • การสอบเทียบ: ควรทำการสอบเทียบเครื่องมือเป็นประจำด้วยของเหลวมาตรฐาน
  • อุณหภูมิ: ควบคุมอุณหภูมิของของเหลวให้คงที่
  • ความสะอาด: ทำความสะอาดเครื่องมือหลังการใช้งานทุกครั้ง
  • การเลือกเครื่องมือ: เลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับชนิดของของเหลวและช่วงของความหนืดที่ต้องการวัด

 

 

 

31 October 2024

Viewed 15 time

Engine by shopup.com